(สกู๊ปพิเศษ) ทิ้งไว้แต่เพียงตำนานเล่าขาน! “แสงดาว” เด็กสาววัยใส ชาวไทใหญ่ ที่มีความฝันอันสูงส่งที่จะกอบกู้เอกราช บัดนี้คือเหลือแต่ชื่อให้ลูกหลานได้ยกย่อง

วันหนึ่ง แสงดาว แห่งรัฐฉาน ได้แชท FB กับผู้เขียนว่า “คุณลุงคะ แสงดาวได้รับเลือกให้ไปกล่าวถึงปัญหาชนกลุ่มน้อยที่ สหประชาชาติ USA ไปบอกให้ชาวโลกรับรู้นะเจ้าคะ” “ดีแล้ว แสงดาว เป็นโอกาสดีที่ชาวโลกจะได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชาวไทใหญ่รัฐฉาน พม่าทำอะไรกับชาวไตบ้าง แสงดาว บอกเขาไปเลยนะ เผื่อว่าเหตุการณ์ต่างๆจะดีขึ้น ชาวไตดอยไตแลงอาจจะได้เอกราชเร็วขึ้นก็ได้ ลุงขอเอาใจช่วยนะแสงดาวหลานรัก”

 

                                                                                     ทหารพม่าโจมตีบ้านไทใหญ่ รัฐฉานเหนือ

 

 

                                                      ร้อยโท นางหาญแสงดาว นักรบสายเลือดทหารพรานค่ายปักธงชัย

ต่อมาแสงดาว แห่งรัฐฉาน ก็ได้เดินทางไปสหรัฐจริงๆ และเมื่อแสงดาวกลับมา แสงดาวก็ได้ให้สัมภาษสื่อ ต่อมาแสงดาว ก็ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปรับผิดชอบพื้นที่บ้านจ๊อกแม เขตปกครองตนเองปางโหลง ที่นั่นมีทหารพม่าเข้ามาเคลื่อนไหว พี่น้องชาวไทใหญ่ที่นั่นก็เจ็บป่วยขาดหมอดูแล แสงดาวจึงไปทำหน้าที่

 

 

                                                                        ชาวไทใหญ่ อพยพหนีภัยการสู้รบกับทหารพม่า

 

 

                               ชาวไทใหญ่รัฐฉาน ให้ความเคารพในหลวงรัชกาลที่9 ของไทยมาก วันที่ 5 ธันวาคมทุกปี จะมีงาน

 

บ่ายวันนั้น ร้อยโทนางหาญ แสงดาว แห่งรัฐฉาน ได้นำลูกน้องนางหาญ เป็นผู้หญิงล้วนๆทั้งหมด 15 นางออกไปลาดตระเวนสกัดกั้น ไม่ให้ทหารพม่าเข้ามาใกล้หมู่บ้านจ๊อกแม ด้วยหน้าที่ ที่ ร้อยโท แสงดาว เป็นผู้บังคับบัญชาของนางหาญเหล่านั้น แสงดาว จึงต้องแสดงความกล้าหาญให้เหล่านางหาญลูกน้องเห็น

 

 

                                           นางหาญไทใหญ่รัฐฉาน แม้เป็นหญิงก็ต้องออกรบเพื่อรักษาแผ่นรัฐฉานที่ถูกพม่ารุกราน

ยิ่งแสงดาว มีสายเลือดนักรบค่ายปักธงชัยด้วยแล้ว เธอยิ่งต้องแสดงความกล้าหาญ ให้สมกับที่เป็นนักรบสายเลือดไทยสยาม แห่งค่ายปักธงชัย แสงดาวเคยพูดกับผู้เขียนอยู่เสมอว่า “แสงดาวจะรบให้เก่งๆเหมือนพ่อ เหมือนนักรบค่ายปักธงชัย แสงดาวจะต้องกล้าหาญ แสงดาวจะรักษาแผ่นดินรัฐฉานไว้ให้ลูกหลาน ของคนรัฐฉาน แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต”ตะวันบ่ายใกล้ค่ำ แสงดาว แห่งรัฐฉาน กับนางหาญติดตาม 15 นาง ได้เดินอย่างเร่งรีบไปตามเส้นทางเล็กๆที่สองข้างทาง เป็นป่าไม้น้อยใหญ่ นางหาญทั้งสิบห้านางเดินขึ้นเนินแล้วลงหุบ เนินแล้วเนินเล่า หุบแล้วหุบเล่า เพื่อค้นหาทหารพม่าที่เข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบของเธอ แต่ดูเหมือนจะไร้วี่แววของผู้รุกราน

 

 

                                                                       นางหาญทหารหญิงชาวไทใหญ่รัฐฉาน

“ไม่มีทหารพม่าเข้ามาก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ไม่ต้องยิงกัน ไม่มีใครเจ็บใครตาย แต่ถ้าเจอก็ต้องยิงกัน”แสงดาว แห่งรัฐฉาน พูดกับลูกน้องนางหาญ ขณะกำลังเดินลงหุงเขาเพื่อเดินกลับฐานเพราะตะวันใกล้จะลับเหลี่ยมเขาแล้ว ขณะที่พวกเธอเดินลงสู่หุบเขาไปตามทางเล็กๆ ซึ่งเป็นชัยภูมิที่เสียเปรียบอย่างยิ่งในด้านยุทธวิธี ทันใดนั้นก็มีเสียงอาวุธสงครามนานาชนิด ของทหารพม่า คำรามขึ้นกึกก้องจากราวป่าข้างทางนางหาญผู้ภักดีต่อแผ่นดินรัฐฉานทั้งสิบห้านาง ได้เดินเข้าไปอยู่ในพื้นที่สังหาร ของทหารพม่า ที่วางกำลังซุ่มโจมตีไว้อย่างไม่รู้ตัว แสงดาวและลูกน้อง ถูกทหารพม่าเปิดฉากโจมตีด้วยอาวุธสงครามนานาชิดอย่างรุนแรงและอย่างไร้ความปราณีต่อนางหาญทหารชาวไทใหญ่

 

 

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!ตูมม!…บึ้มม!บล๊อก!…กรึ้มม!ทหารพม่ายิงถล่มอย่างรุนแรงด้วยปืนอาก้า ปืนกล ปืนเอ็ม 79 และจรวดอาร์พีจี แสงดาว สั่งให้นางหาญทุกนาง สู้สุดชีวิต พวกเธอแม้จะเป็นหญิงแต่ทุกนางก็ยิงสู้อย่างชายชาติทหาร เสียงปืนจากเหล่านางหาญ ภายใต้การบังคับบัญชาของ ร้อยโท แสงดาว แห่งรัฐฉาน ดังกึกก้องหุบเขาชายอดนพม่า ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

“แสงดาว หลานรัก ถ้าปะทะกัน แสงดาวอย่าอยู่ในพื้นที่ที่ต่ำกว่าศัตรูนะหลาน อยู่ที่สูงเราจะได้เปรียบ”ขณะปะทะกันอยู่นั้น แสงดาวนึกเห็นคำที่ผู้เขียนเคยบอกเคยสอนเธอ ถึงการรบที่ไม่ให้เสียเปรียบศัตรู ต้องอยู่ในชัยภูมิที่สูงกว่าจะได้เปรียบศัตรู แต่ขณะนี้แสงดาวกับลูกน้องอยู่ในชัยภูมิที่เสียเปรียบ และมีกำลังคนที่น้อยกว่าศัตรู แถมมีแต่ผู้หญิงอีกด้วย ร้อยโทหญิง แสงดาว แห่งรัฐฉาน จึงสั่งให้ถอนตัวขึ้นเนินสูงกว่าศัตรู“นางหาญทั้งหมด ถอนตัวขึ้นไปบนเนินนั้นเร็วๆ”

                                                                  ทหารชาย หนุ่มศึกหาญชาวไทใหญ่รัฐฉาน

ทุกคนจึงยิงสู้พราง ถอยไปพราง ซึ่งการปะทะกันกับทหารพม่าของแสงดาว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แสงดาว เคยปะทะกับทหารพม่า มาหลายครั้งแล้วด้วยความกล้าหาญ จนแสงดาวได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยโท แต่ครั้งนี้แสงดาวกับนางหาญกำลังเพลี่ยงพล้ำเพราะเสียเปรียบชัยภูมิ นางหาญทั้งหมดยิงสู้พราง ถอยขึ้นไปบนเนินนั้นพราง แต่เพราะยังอยู่ในพื้นที่ต่ำอยู่ในพื้นที่สังหารของทหารพม่า การล่าถอยจึงทำได้ยากลำบาก เพราะขณะนั้นลูกปืนนานาชนิดของทหารพม่าพุ่งเข้าใส่เหล่านางหาญอย่างหนาแน่น นางหาญหลายนางล้มลงไปต่อหน้าต่อตาของแสงดาว เพราะถูกคมกระสุนของทางพม่าไปหลายนัด

ฟ้าช่างโหดร้ายกับชีวิตของเธอเหลือเกิน แสงดาว แห่งรัฐฉาน ผู้ภักดีต่อแผ่นดินรัฐฉาน ถูกยิงที่ใต้ราวนมด้านขวา อาการหนักหนาสาหัสเป็นตายเท่ากัน ขณะที่แสงดาวถอยขึ้นเนิน ลูกน้องของแสงดาว หลายนางถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตทันทีในเขตปะทะห้านาง เมื่อเห็นแสงดาว ถูกยิง กำลังใจลูกน้องก็ไม่มีนางหาญหลายนางนอนเลือดท่วมตัว การยิงตอบโต้ทหารพม่าจึงขาดประสิทธิภาพเพราะขาดผู้คุมกำลัง ทหารพม่าได้เปรียบ คุมสถานการณ์ไว้ได้หมด เสียงปืนเงียบลงไป เมื่อทหารพม่าได้ซุ่มโจมตีสังหารหญิงไทใหญ่รัฐฉานได้แล้วก็ถอนตัวไป ทิ้งไว้เพียงร่างของนางหาญทหารชาวไทใหญ่รัฐฉาน ที่บาดเจ็บและเสียชีวิต

                                                      เด็กชาวไทใหญ่ส่วนมากจะศึกษาในโรงเรียนฝั่งประเทศไทยสยาม

เสียงปืนเสียงระเบิดสงบลงแล้ว ทิ้งไว้แต่ความเศร้าโศกาอาดูรของผู้สูญเสีย แสงดาว แห่งรัฐฉาน เด็กสาววัยใส ผู้รักชาติชาวไทใหญ่แห่งแผ่นดินรัฐฉาน ผู้มีความฝันอันสูงส่งที่จะกอบกู้เอกราชให้ชาวไตรัฐฉาน บัดนี้เธอเหลือเพียงร่างที่ไร้วิญญาณ! กับอุดมการณ์อันแรงกล้าของแสงดาว ถูกปิดม่านลงแล้ว “คุณลุงคะแสงดาวอยากเจอลุงสักครั้งจังเลย คุณลุงเป็นเสมือนญาติของแสงดาว ที่เหลือนะเจ้านะคุณลุง” คือคำพูดที่แสงดาวเคยพูดกับผู้เขียนบ่อยๆทางห้องแชท FB จากนี้ไปไม่มีอีกแล้ว!

สายลมบนขุนเขาสูง ชายแดนพม่ายามใกล้สนธยาพัดกรรโชก สายลมลือลัดไปถึงฐานบ้านจ๊อกแม ที่แสงดาว ดูแลอยู่ เหมือนสายลมจะส่งข่าวร้ายว่า “บัดนี้แสงดาว แห่งรัฐฉาน” สาวน้อยผู้อาภัพได้จากโลกนี้ไปแล้ว เหลือเพียงความดีกับความเสียสละอันยิ่งใหญ่เพื่อปกป้องพี่น้องชาวไทใหญ่ให้พ้นภัยสงครามอันตรายจากการปะทะกับทหารพม่า

                                           ทหราพม่า เข้ากวาดล้างฐานย่อยของชาวเขา ทหารตะอาง งานนี้ทหารตะอางตายร่วม 20 ศพ

แสงดาว แห่งรัฐฉาน เธอเกิดมาช่างอาภัพนัก แสงดาว มีพ่อก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ มีแม่ก็มาเสียชีวิตไปตั้งแต่แสงดาวยังเล็ก แสงดาว ก็มาเสียชิวิตในวัยที่กำลังสดใส ลุง (ผู้เขียน) ขอให้ดวงวิญญาณของแสงดาวและเพื่อนๆเหล่านางหาญ ลูกน้องของแสงดาว ที่เสียชีวิตไปในการรบครั้งนี้ จงสิงสถิต ณ สรวงสวรรค์เทอญขอให้ดวงวิญญาณของทั้งสามดวง พ่อ แม่ ลูก ได้อยู่ด้วยกัน ณ สรวงสวรรค์ด้วยเทอญ แสงดาว แห่งรัฐฉาน จะส่องแสงอยู่ในใจของลุงตลอดไป และลุงหวังว่าคนไทใหญ่รัฐฉาน คงจะไม่ลืม แสงดาว ดวงนี้

ก่อนที่แสงดาว แห่งรัฐฉาน จะไปปฏิบัติหน้าที่ ที่บ้านจ๊อกแม เขตปกครองตนเอง ปางโหลง แสงดาว นับถือนายทหารไทยคนหนึ่งเหมือนพ่อของเธอ เราไปดูว่า พ่อลูกทางเฟสเขาคุยอะไรกันบ้าง ไปเลยครับวันนั้น วีระพล ภักดีเพชร นายทหารไทยเดนตายจากสมรภูมิลาว ซึ่งหลังสงครามจบแล้ว วีระพล ยังคงทำหน้าที่นายทหารของชาติไทยอยู่ วันนี้ วีระพล ไปจัดรายการวิทยุตามปกติในเวลา 04.30 น. ขณะนั้นเห็นแสงดาวออนเฟสอยู่ วีระพล เลยแชทถามแสงดาว ที่ทั้งสองต่างนับถือกันแบบพ่อกับลูกว่า

“ทำไมตื่นแต่เช้าจังลูกสาว”

“ลุกมาเตรียมอาหารให้ทหารไตเจ้าคะพ่อ วันนี้มีต้มจืดและอีกหลายอย่างเจ้าคะ”

“พ่อคะ วันนี้หนูจะออกไปทำงานที่บ้านจ๊อกแม นะเจ้าคะพ่อ พวกทหารพม่ามันมาป้วนเปี้ยนแถวนั้น”

“อย่าประมาทนะลูก ระมัดระวังตัวไว้ด้วย”

“เจ้าคะคุณพ่อ”

ตกเย็นเวลาประมาณทุ่มเศษๆ ปืนหอมโปเตวินก็แจ้ง วีระพลฯในห้องแชทว่า“แสงดาวปะทะกับทหารพม่า ลูกน้องของแสงดาวเสียชีวิตคาที่ 3 นาง ส่วนแสงดาวถูกยิงที่หน้าอก อาการสาหัส”ความรู้สึกของนายทหารที่ผ่านสงครามมามากมาย หายแวบ! เขาพยายามบอกดูเองว่าไม่เป็นความจริงที่ปืนหอม โปเตวิ่น บอก! แม้จะไม่ใช่สายเลือดแต่เพราะแสงดาว แห่งรัฐฉาน เป็นเด็กที่อาภัพน่าสงสาร และยังเป็นสายเลือดของนักรบไทย จึงทำให้มีความรักความผูกพันธุ์ เหมือนลูกแท้ๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นนายทหารนักรบกล้านามว่า วีระพล ภักดีเพชร ไปเปิดสถานีวิทยุในเวลาเดิม ปืนหอม โปเตวิ่น ได้แจ้งทางเฟสของแสงดาวว่า “แสงดาวเสียชีวิตแล้วตั้งแต่เมื่อคืน” แล้ว FB ของแสงดาว แห่งรัฐฉาน ก็ปิดตัวลง เหลือแต่ของ ปืนหอม ปืนหอม โปเตวิ่น ความรักความอาลัยได้ก่อตัวขึ้นในใจนักรบคนนี้วีระพล รู้สึกเหมือนช๊อค ผ่านสนามรบผ่านสงครามมามากมายยังไม่รู้สึกแบบนี้ วีระพล จึงเปิดเพลงทิ้งไว้ประมาณ 4 เพลง กินเวลาเกือบ 20 นาที จากนั้นนายทหารไทยผู้นี้ก็เปิดหน้าไมค์ และได้กล่าวถึงเธอ (แสงดาว แห่งรัฐฉาน) และเปิดเพลง “แสงดาว”

ของแอ๊ด คาราบาว ตามด้วยเพลง “หือลอดไล้ก่านจ๋าย ” ซึ่งเป็นเพลงไตใหญ่ ที่แสงดาว แห่งรัฐฉาน ชอบมากๆ เนื้อหาของเพลงนี้จะปลุกใจให้ขึ้นต่อสู้ เพื่อแผ่นดินเกิดของแสงดาว แห่งรัฐฉาน

“พ่อหนูไปทำงานก่อนนะ”

“จ้า ระวังตัวไว้ด้วยนะ พ่อเป็นห่วง”

“เจ้าคะ คุณพ่อ”

คือประโยคสุดท้ายที่ แสงดาว แห่งรัฐฉาน กับ วีระพล ภักดีเพชร ได้คุยกันในเฟสแล้ว แสงดาว แห่งรัฐฉาน ก็หายไปจนเท่าถึงทุกวันนี้!…แสงดาวแห่งรัฐฉาน ขอให้ดวงวิญญาณลูกสาวของพ่อจงสถิตในสรวงสวรรค์ ให้แสงดาว ได้อยู่กับพ่อ กับแม่ นะลูกรัก!…ฉากชีวิตของแสงดาวแห่งรัฐฉาน ปิดลงแล้วด้วยความโศกาอาดูรของคนที่รักเธอ แต่ในความรู้สึกของผู้เขียนที่เธอรักเหมือนลุงของเธอ ยังคิดว่า แสงดาว แห่งรัฐฉาน ยังอยู่ใกล้ๆ ยังอยู่ในใจลุงเสมอและตลอดไป หากชาติหน้ามีจริงขอให้แสงดาว มีครอบครัวที่อบอุ่น มี พ่อ แม่ ลูก ได้อยู่ด้วยกันอย่าให้เหมือนชาตินี้เลย

ปิดม่านของแสงดาวลงแล้ว แต่นักรบค่ายปักธงชัย ในสมรภูมิชายแดนพม่า ยังไม่จบ หลายคนได้สร้างตำนานรักขึ้นในครั้งนั้น ทพ.เล็ก 911 มีลูกสาว ลูกชาย กับสาวไทยใหญ่ ทพ.สุนทร มีลูกสาวกับชาวเขาเผ่าอาข่า ตอนหน้าผู้เขียนจะพาไปติดตามเรื่องราวของพวกเขา และภารกิจป้องกันประเทศ สถาปนาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-พม่า ของนักรบจู่โจม ค่ายปักธงชัย ครับ

ขอบคุณที่มาสกุ๊ปจาก –  ตำนานนักรบดำทหารพรานจู่โจมค่ายปักธงชัย / taharnkla

แหล่งข่าวจาก – ข่าวชัดประเด็น   http://www.khaochad.com/180728?r=1&width=1600

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *