รวบ ยากูซ่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยุ่น โทรลวงเหยื่อถอนเงิน หนีกบดานไทยก่อนจนมุม
จับยากูซ่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่น อ้างเป็นตำรวจหลอกเหยื่อหญิงชราวัย 75 ปี สูญเงินหลายล้าน ก่อนหนีกบดานในไทย สุดท้ายจนมุม
เมื่อวันที่ 2 เม.ย ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สวนพลู พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม ร่วมกันแถลงข่าว การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่กระทำความผิดจากต่างประเทศและหลบหนีการจับกุม เดินทางเข้าประเทศไทยโดยปะปนมากับนักท่องเที่ยวทั่วไป เพื่อมาอาศัยประเทศไทยเป็นแหล่งกบดาน
โดยได้รับประสานข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยว่ามีคนร้ายสัญชาติญี่ปุ่น หนีหมายจับของทางการญี่ปุ่นแล้วเดินทางเข้ามาอาศัยในประเทศไทย ทางการญี่ปุ่นสืบติดตามตัวคนร้ายตั้งแต่ปี 2556
โดยก่อเหตุลักษณะคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหลอกเงินเหยื่อ ชุดจึงติดตามจับกุมตัวนายคาซึยะ ฮาชิโมโตะ อายุ 39 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ได้ภายในซอยเอกมัย 5 ถ.สุขุมวิท 63 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” โดยผู้ถูกจับรับสารภาพว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับของ ศาลเมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น ในฐานความผิดฉ้อโกง โดยก่อเหตุเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2556 ซึ่งร่วมกันกับพวกสมาชิกแก๊งยากูซ่าอีก 6 ราย ปัจจุบันถูกจับกุมดำเนินคดีแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อเหตุหลอกลวงหญิงชรา อายุ 75 ปี เหตุเกิดที่จังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น
ผบช.สตม. กล่าวต่อว่า แผนประทุษกรรมของแก๊งคนร้ายคือนายคาซึยะ ทำหน้าที่โทรศัพท์ไปที่บ้านผู้เสียหายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขู่ว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหายมีธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัย น่าจะผิดกฎหมาย จะต้องถูกตรวจสอบ แต่มีทางที่พอจะช่วยเหลือได้
โดยต้องถอนเงินในบัญชีทั้งหมดไปฝากกับบัญชีพิเศษของสมาคมธนาคาร ซึ่งไม่มีอยู่จริง โดยให้ถอนเงินสดออกมาเตรียมไว้ และเจ้าหน้าที่ของสมาคมธนาคารจะไปรับเงินสดที่บ้านผู้เสียหาย เพื่อนำไปเข้าบัญชีพิเศษ ผู้ต้องหาไปที่บ้านของผู้เสียหายและรับเงิน 8 ล้านเยน หรือประมาณ 2.4 ล้านบาท จากผู้เสียหายและหลบหนีไป
นอกจากนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหากลุ่มนี้ พบหลักฐานว่ามีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ ในรูปแบบเดียวกันอีก 4 คดี รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 28 ล้านเยน หรือประมาณ 8 ล้านบาท และจากการขยายผลยังสามารถจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้อีกจำนวน 15 คน พร้อมโทรศัพท์ที่ใช้ในสำนักงาน พร้อมเร้าเตอร์จำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่พัทยา
![]()

