ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้แน่นย้ำในเรื่องการป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นจากบุคคลที่ติดยาเสพติด และบุคคลที่มีปัญหาทางจิตเวชที่เสี่ยงก่อความรุนแรงขึ้นนั้นโดยมีแนวนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภูธรจังหวัดและทุก สภ.ทั่วไทย ออกปฏิบัติหน้าที่ทำการค้นหาผู้ติดยาเสพติดและผู้ป่วยจิตเวชในแต่ละพื้นที่พร้อมให้ขึ้นบัญชีไว้เพื่อให้ทราบกลุ่มคนที่อาจก่อเหตุรุนแรงขึ้นพร้อมทั้งเร่งปราบปรามหรือนำบุคคลที่ติดยาเสพติดนั้นเข้าทำการบำบัดรักษา จากเเนวนโยบายนี้ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสามารถเข้าไประงับเหตุด้วยความรวดเร็วได้ทันท่วงทีก่อนที่จะเกิดเหตุบานปลายลุกลามใหญ่โตทำให้ผู้ประสบเหตุได้รับบาดเจ็บหรือเกิดความสูญเสียไปได้ ดังเช่นเหตุการณ์นี้
เมื่อคืนของวันที่ 21 ธ.ค.65 เวลา 21.30 น. พ.ต.อ.ปวีณ ทองสมบูรณ์ ผกก.สภ.เกาะช้าง ได้รับแจ้งจาก นายวสันต์ สมป้อ บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 3 ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย จ.เชียงราย (เจ้าของบ้าน) ว่าได้มีคนร้ายลักษณะมึนเมาคล้ายเมายาเสพติดลักลอบเข้าไปในห้องนอนซุกซ่อนตัวอยู่ในบ้านของตนโดยไม่มีเหตุอันควรในเวลายามวิกาลค่ำคืน จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศรีชัย ยิ่งเจริญ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.เจริญชัย จารุแพทย์ รองผกก.ป. พ.ต.ท.ณรงค์ สงบ สวป. นามเจ้าพนักงานตำรวจที่จับกุม พ.ต.ต.กฤตกรณ์ กันจินะ สว.สส.ฯ ร.ต.อ.นิคม ใจหมั่น รอง สว.สส ร.ต.อ.โกศล ปวงจันต๊ะ รอง สว.สส. ร.ต.ท.ประพันธ์ เพ็ญยะสิทธิ์ รอง สว.(สส) ร้อยเวร20 ร.ต.ท.ศิริชัย ไร่นากิจ รอง สว.(ป) ด.ต.คำรณ กันทะดี ส.ต.ท.วีระยุทธ เรือนคำจันทร์ เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์พร้อมชุดสืบสวน รุดไปที่เกิดเหตุ พบนาย วสันต์ฯ เจ้าบ้านยืนรออยู่หน้าบ้าน พร้อมพาตำรวจ สภ.เกาะช้าง ไปชี้จุดที่มีคนร้ายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองซึ่งตนกับภรรยาใช้อาศัยหลับนอนจากการตรวจค้นภายในห้องนอนพบ นายนรุจ สมป้อ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 9 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีอาการมึนเมาคล้ายเสพสารเสพติด และคาดว่ามีอาการทางจิต เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เกลี่ยกล่อมให้ผู้ต้องหาออกมาจากห้องนอนของผู้เสียหาย แล้วจึงควบคุมตัวเอาไว้เพื่อสงบสติอารมณ์ เบื้องต้นทางเจ้าที่ สภ.เกาะช้าง ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ (มีด) และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมายผู้ต้องหาให้การ รับสารภาพว่าตนเองได้บุกรุกเข้าไปในบ้านหลังเกิดเหตุจริง โดยได้ไปซ่อนตัวในห้องน้ำแต่ได้ปฏิเสธว่าอาวุธมีดที่พบนั้นไม่ใช่ของตนเองเจ้าพนักงานผู้จับกุม ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ 1.ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้ และถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้เป็นพยาน หลักฐานในการพิจารณาคดีได้ 2.ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความหรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ 3.ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุม 4.ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแห่งการจับกุมในเหตุครั้งนี้ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะช้าง เพื่อดำเนินคดีกันต่อไป
ณัฐชนน มงคลดี นักศึกษาราชภัฏเชียงราย สาขานิเทศศาสตร์(ดิจิทัลมัลติมีเดีย) ฝึกงานแม่สายนิวส์ออนไลน์ /// รายงาน ///