ผู้ว่าฯ เชียงรายสั่งกวาดร้านบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางได้หลายพันรายการ พบเจ้าของตัวจริงล่องหน ส่งของทางออนไลน์

ผู้ว่าฯ เชียงรายสั่งกวาดร้านบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางได้หลายพันรายการ พบเจ้าของตัวจริงล่องหน ส่งของทางออนไลน์

ค่ำวันที่ 4 มี.ค.ผ่านมานายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัด จ.เชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงรายได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอและตำรวจนำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกัน จ.เชียงราย นำกำลังอาสารักษาดินแดน (อส.) และตำรวจออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เพราะทาง จ.เชียงราย ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมากว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กและเยาวชนรวมถึงประชาชนทั่วไป โดยมีพฤติกรรมอุกอาจถึงขั้นมีบริการขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์โดยผ่านไรเดอร์อีกด้วย  เจ้าหน้าที่จึงได้สืบทราบจนพบตรงบริเวณโซนนิ่งสถานบริการในเขต อ.เมืองเชียงราย มีร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 3 ร้าน ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่หมู่ 13 ต.รอบเวียง โดยด้านหน้าร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นเพื่อไม่ให้มองเห็นถึงภายในร้านได้โดยง่ายและมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทาง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังบุกเข้าไปตรวจสอบทุกร้าน พบคนดูแลร้านๆ ละ 1-2 คน รวมจำนวน 4 คน และพบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 635 เครื่อง หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 2,811 ชิ้น บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 1,810 ชิ้น น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 208 ชิ้น คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 353 ชิ้น และหัวคอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 25 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 1,802,650 บาท  ตรวจสอบพบว่าแต่ละร้านขายสิ่งของต่างๆ ตั้งแต่หลักสิบบาทไปจนถึงหลายพีนบาท มีรายได้ร้านละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือเดือนละกว่า 300,000 – 500,000 บาท เมื่อสอบถามผู้ดูแลร้านทราบว่าไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์เพื่อถามตลาดและจะส่งสินค้ามาให้ขาย เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีกับคนดูแลร้านข้อหา “ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ” และข้อหา “ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามกฎหมายต่อไป.

ภาพข่าวจาก – ข่าวพันธมิตรเชียงราย

บก.เจี๊ยบแม่สายบนิวส์ออนไลน์  ///  รายงาน  ///

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *