ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก รอบแบ่งกลุ่ม หรือ 32 ทีมสุดท้ายก็จับฉลากออกมาเรียบร้อยแล้วซึ่งปีนี้อาจจะขาดรสชาติของสองทีมใหญ่จากอังกฤษอย่าง “แมนฯยูไนเต็ด” ที่มี “โจเซ่ มูรินโญ่” คุมทีม กับ “เชลซี” ของ “อันโตนีโอ คอนเต้” แต่เชื่อว่าสีสันและความสนุกของฟุตบอลระดับถ้วยสโมสรอันดับ 1 ของโลกก็ยังสนุกไม่ต่างจากเดิม
แน่นอนว่าผลที่ออกมามีทั้งถูกใจแฟนบอลของบางทีมที่ไม่ต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งมากในรอบนี้ทำให้มีกาสในการผ่านรอบตัดเชือกมากกว่าหลายๆกลุ่มที่ต้องเจอทีมใหญ่หรือทีมระดับเดียวกัน
ถ้าจะโฟกัสในแต่ละกลุ่ม กก็สนุกตั้งแต่กลุ่มเอมซึ่งไฮไลต์อยู่ที่สองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง “ปารีส แซง แชร์แมง” ที่มาใช้บริการของ “อูไน เอเมรี่” กุนซือหนุ่มเจ้าบอลถ้วยยูโรป้า ลีก (พาเซบีญ่าเป็นแชมป์ 3 สมัยติด) กับปืนใหญ่ “อาร์เซน่อล” ของ “อาร์แซน เวงเกอร์” ที่ปีนี้ไม่เสริมนักเตะบิ๊กเนมเข้ามาทั้งๆที่มีเงินให้ซื้อจนแฟนผิดหวัง แถมสตาร์สในลีกก็ไม่น่าประทับใจ และก้างขวางคอในกลุ่มนี้หนีไม่พ้น “บาเซิล” แชมป์ลีกสวิสที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้ รวมทั้ง “ลูโดโกเร็ตต์” แชมป์ลีกบัลแกเรีย
ส่วนกลุ่มบี อาจจะถือว่าเป็น “กรุ๊ปออฟเดต” ก็ว่าได้ถึงแม้จะไม่มีทีมใหญ่แต่ทีมในกลุ่มนี้ศักยภาพไม่ต่างกันมาก ทั้ง “เบนฟิก้า” “นาโปลี” “ดินาโม เคียฟ” และ “เบซิสตัค” โดยชื่อชั้นยอดทีมจากเมืองเนเปิ้ลอาจจะดูภาษีดีที่สุดแต่ต้องอย่าลืมว่า ตอนนี้ทีมไม่มีกองหน้าที่ชื่อ “กอนซาโล่ อิกวาอิน” แล้ว
กลุ่มซีต้องบอกว่าสนุกไม่แพ้กรุ๊ปออฟเดต เพราะ “เป๊ป กวาดิร่า” จะได้กลับบ้านเก่าอีกครั้งกับทีมใหม่คือ “แมนฯซิตี้” ที่ต้องเจอกับเอเลี่ยนทีม “บาร์เซโลน่า” ของกุนซือรุ่นน้อง “หลุยส์ เอนริเก้” ในกลุ่มเดียวกัน แถมยังมีทีมที่มีปรัชญาฟุตบอลแบบเป็ปคล้ายกันอีก 1 ทีมคือ “เซลติค” เพราะมีกุนซือที่ชื่อ “เบรแดน ร็อดเจอร์” ภายใต้คอนเซ็ปป์ “ตะกุกตะกัก” เอ๊ย!!! Tikki Takka แถมอีกทีมที่เหลือก็เก่งในบ้านระบบทีมดี “โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค” จากเมืองเบียร์
มากันที่กลุ่มดี เสือใต้ “บาเยิร์น มิวนิค” ที่ได้จอมเก๋าแท็กติคประจำวงการอย่าง “คาร์โล อันเชล็อตติ” มากำกับการแสดง ต้องเจอกับทีมเก่งที่ไร้วาสนาอย่าง “แอตฯมาดริด” ที่ยังมี “ดิเอโก้ ซิเอโมเน่” เป็นกุนซือเหมือนเดิม ดูแล้วทั้งสองทีมน่าจะแย่งเข้าที่ 1 ส่วน “พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น” คงมาที่ 3 รอเล่นยูโรป้าลีก และ “รอสต็อฟ” จากรัสเซียที่โชคร้ายมาเล่นรายการนี้ครั้งแรกก็เจอของหนักเลย
กลุ่มอี น่าจะถือเป็นอีก “กรุ๊ปออฟเดต” เพราะ น้องไก่ “สเปอร์” ต้องเจอกับ “ซีเอสเคเอ มอสโค” “นายห้างขายยา “เลเวอร์คูเซ่น” และ “โมนาโก” ซึ่งเรื่องความสามารถของกุนซือพอกัน องค์ประกอบของนักเตะไม่ต่าง อยู่ที่ว่าจังหวะใครดีกว่า เล่นบ้านใครบ้านมัน
กลุ่มเอฟ แชมป์เก่า “เรอัล มาดริด” ของ “ซีเนอดิน ซีดาน” ไม่น่าจะมีปัญหาในการเป็นแชมป์กลุ่มเพราะองค์ประกอบภายในทีมแค่ตัวผู้เล่นอย่างเดียวก็เหนือกว่าทุกทีมร่วมกลุ่มแล้ว ทั้ง “ดอร์ทมุนนด์” ที่น่าจะเอาตัวรอดเข้าที่ 2 หรือ “สปอตติ้ง ลิสบอน” ซึ่งอาจจะปาดหน้าเอาตั๋วของเสือเหลืองไปก็ได้ และ “ลิเกีย วอรซอร์” จากโปแลนด์ที่มาประดับรายการ
กลุ่มจี ก็เป็นอีกกลุ่มที่ไม่มีทีมใหญ่แต่น่าสนุก เนื่องจากจิ้งจอกสยาม “เลสเตอร์ ซิตี้” ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้วอยู่ด้วย โดยต้องเจอกับ “ปอร์โต้” ทีมเก่งจากแดนฝอยทองที่สม่ำเสมอในรอบแบ่งกลุ่ม และ “คลับ บรูก” จากเบลเยียม กับ “เอฟซี โคเปนเฮเก้น” จากเดนมาร์ก ดูแล้วสิ่งที่น่าเป็นห่วงลูกทีมของ “เคลาดิโอ รานิเอรี่” ไม่ใช่ความสามารถของนักเตะแต่เป็นเรื่องประสบการณ์ในฟุตบอลระดับยุโรปที่ไม่เหมือนในลีก ถ้าไม่เชื่อลองถาม “โรม่า” ดูเพราะถูก “ปอร์โต้” ถีบตกรอบก่อนหน้านี้มาแล้ว
ปิดท้ายที่กลุ่มเฮช “ยูเวนตุส” ของ “มักซิมิลิอันโน่ อัลเลกรี” กลายเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวหลังจากได้ของดีอย่าง “อิกวาอิน” มาร่วมทีม นักเตะก็ชุดเดียวกับที่ได้รองแชมป์เมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ “เซบีญ่า” “โอลิมปิก ลียง” และ “ดินาโม ซาเกร็บ” ต้องแย่งตั๋วอีกใบที่เหลืออยู่ในการผ่านเข้ารอบ
เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ครึ่งเดือน นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มก็จะเริ่มเตะในวันที่ 13-14 กันยายน นั้นหมายความว่าคอบอลแชมเปี้ยนลีกชาวไทยจะได้อดตาหลับขับตานอนในช่วงกลางสัปดาห์อีกครั้ง แถมผู้ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดอย่าง True Vision ที่ได้ลิขสิทธิ์จาก Bein Sport ก็เตรียมจัดเต็มเรียบร้อยกับ “แชมเปี้ยนลีก” ที่กำลังมาแล้วครับ
แหล่งข่าวจาก http://sport.sanook.com/264401/